การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประกาศให้ UNESCO กำหนดให้ดอยเชียงดาวในจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล
เขตสงวนชีวมณฑลคือพื้นที่ที่กำหนดโดย UNESCO ซึ่งเป็นตัวแทนของระบบนิเวศที่มีการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและคุณค่าทางพันธุกรรม การกำหนดนี้เกิดขึ้นจากการประชุมชีวมณฑลในปี พ.ศ. 1968 ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างรัฐบาลครั้งแรกเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากร
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2021 โครงการ Man and the Biosphere (MAB) ของ UNESCO ได้เพิ่มพื้นที่ใหม่ 20 แห่งใน 21 ประเทศเข้าสู่เครือข่ายโลกของเขตสงวนชีวมณฑล ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่สงวนชีวมณฑล 727 แห่งใน 131 ประเทศ รวมถึงพื้นที่ข้ามพรมแดน 22 แห่ง
รายชื่ออันทรงเกียรติของดอยเชียงดาวทำให้จำนวนพื้นที่สงวนชีวมณฑลในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นห้าแห่ง ตามรายชื่อของสะแกราชในนครราชสีมาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี พ.ศ. 1976 ห้วยตากสักในลำปาง และแม่สะกอม้าในเชียงใหม่ ทั้งคู่ ในภาคเหนือในปี พ.ศ. 1977 และจังหวัดระนองในภาคใต้ในปี พ.ศ. 1997
ตามรายชื่อของยูเนสโก เขตสงวนชีวมณฑลดอยเชียงดาวเป็นพื้นที่เดียวในประเทศที่ปกคลุมด้วยพืชพรรณไม้ใต้เขา ซึ่งพบในเทือกเขาหิมาลัยและทางตอนใต้ของประเทศจีนด้วย เขตสงวนชีวมณฑลขนาด 85.909,04 เฮกตาร์เป็นที่อยู่ของสัตว์หายาก ใกล้สูญพันธุ์ หรือสัตว์เสี่ยงหลายชนิด เช่น ชะนีป่า (Hylobates lar) ลิงใบไม้ (Trachypithecus phayrei) กวางผาจีน (Naemorhedus griseus) เสือโคร่ง (Panthera tigris) และเสือดาวลายเมฆ (Neofelis nebulosa)
ภูมิประเทศอุดมไปด้วยถ้ำที่เกิดจากการแทรกซึมของน้ำฝนผ่านการก่อตัวของหินปูน ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดคือถ้ำเชียงดาว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเขตสงวนชีวมณฑล ถ้ำแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับตำนานเจ้าหลวงเชียงดาว เจ้าแห่งผีทั้งปวง ซึ่งเชื่อกันว่าอาศัยอยู่บนดอยสูงตระหง่านบนดอยเชียงดาว ทั้งสองแห่งเป็นที่เคารพบูชาในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พระอุโบสถแบบล้านนาเป็นสัญลักษณ์ทางเข้าถ้ำ ถ้ำและภูเขาดึงดูดผู้เข้าชมจำนวนมากทุกปี และมีการใช้รูปแบบการจัดการผลกระทบต่อผู้เข้าชม การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ดูนก และดูดาว ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น
การทำฟาร์มโดยใช้ระบบชลประทานตามแรงโน้มถ่วงแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า หม่องไฟ เป็นกิจกรรมที่โดดเด่นของพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งประเพณีและความรู้ในท้องถิ่นได้คงอยู่มาเกือบ 800 ปี