เขื่อนในแม่น้ำโขงสร้างหายนะต่อความมั่นคงทางอาหารของกัมพูชา
การสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงมีนัยสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร โภชนาการ และสุขภาพของกัมพูชา
การศึกษาโดยกรมประมงกัมพูชา (FiA) ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก Danida, Oxfam และ WWF องค์กรเพื่อการพัฒนาของเดนมาร์ก แสดงให้เห็นว่าผลรวมของการสร้างเขื่อนและการเติบโตของประชากรจะลดการบริโภคปลาจาก 49 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เหลือเพียง 22 กิโลกรัมภายในปี 2030 ซึ่งเป็นหายนะเนื่องจากประชากรกัมพูชาพึ่งพาปลาถึงสามในสี่ของปริมาณโปรตีนที่บริโภคได้
ข่าวร้ายเกี่ยวกับผลกระทบของเขื่อนไม่ใช่เรื่องใหม่ รายงานต่าง ๆ ได้อ้างถึงผลที่ตามมาสำหรับปริมาณปลาแล้ว แต่การศึกษาของ FiA นั้นแตกต่างด้วยเหตุผลสามประการ Ame Trandem ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ International Rivers เขียนไว้ใน บางกอกโพสต์.
- สำรวจครอบครัวชาวกัมพูชา XNUMX ครอบครัวเกี่ยวกับอาหารและการบริโภคปลา
- แบบจำลองทางอุทกวิทยาที่มีความละเอียดสูงได้ถูกนำมาใช้เพื่อประเมินการจับปลาในอนาคตและการตอบสนองของปลาต่อการกระจายตัวของแหล่งที่อยู่อาศัยและการเปลี่ยนแปลงทางอุทกวิทยา
- มีการวัดแนวโน้มในการจัดหาปลาจากการเพาะเลี้ยง การใช้ปลาขนาดเล็กเป็นอาหารปลา และการนำเข้าและส่งออกปลา
Trandem เขียน “เมื่อพิจารณาถึงเดิมพันแล้ว ผู้นำระดับภูมิภาคและผู้คนที่พึ่งพาแม่น้ำต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการกับความเชื่อมโยงที่เป็นอันตรายระหว่างเขื่อน ปลา และอาหารก่อนที่จะสายเกินไป”
และอาจจะเป็นเช่นนั้นแล้ว ลาว ได้เริ่มงานเตรียมการสร้างเขื่อนดอนสะโฮงซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการอพยพของปลาในช่วงฤดูแล้ง และกัมพูชา กำลังเตรียมพื้นที่สำหรับสร้างเขื่อนเซซานตอนล่าง 2 ที่จุดบรรจบของแม่น้ำเซสานและแม่น้ำเสปรก จากการศึกษาในปี 2012 แสดงให้เห็นว่าเขื่อนแห่งนี้เพียงแห่งเดียวจะลดการจับปลาทั่วทั้งลุ่มน้ำได้ถึง 9 เปอร์เซ็นต์
หากต้องการดูว่าจะเกิดความผิดพลาดได้อย่างไร ภูมิภาคนี้ต้องดูที่เวียดนามเท่านั้น เขื่อนซองทันทำให้เกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง ทำลายหมู่บ้าน และทำให้ประชากรหวาดกลัว เขื่อนดักมี 4 ได้ตัดการจ่ายน้ำให้กับดานัง เมืองใหญ่อันดับ XNUMX ของเวียดนาม เขื่อนบางแห่งพังทลาย
ตั้งแต่นั้นมารัฐบาลเวียดนามได้ตัดสินใจยกเลิกโครงการต่างๆ และสมัชชาแห่งชาติได้ประกาศให้ไฟฟ้าพลังน้ำและผลกระทบของโรงไฟฟ้าเป็นประเด็นสำคัญในปี 2014
(ที่มา: บางกอกโพสต์, 7 ตุลาคม 2013)