'การปฏิรูปตำรวจสามารถนำไปสู่รัฐตำรวจ'
ผู้มีอำนาจทางทหารวางมีดในกองกำลังตำรวจ เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมได้ประกาศการแก้ไขกฎหมายตำรวจ XNUMX ฉบับ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการแทรกแซงทางการเมือง แต่ตามที่ปรากฎ บางกอกโพสต์ ในการวิเคราะห์ การกระจุกตัวของอำนาจอาจนำไปสู่รัฐตำรวจ
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือขั้นตอนการแต่งตั้งหัวหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดอะ กระดาน (ก.ตร.) ให้อำนาจแต่งตั้งผู้ซึ่งเสนอชื่อโดยผบ.ตร. จนถึงปัจจุบัน นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งอธิบดีกรมตำรวจ เฉพาะข้าราชการตำรวจยศนายพลเท่านั้นที่มีสิทธิได้รับตำแหน่ง
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีนัยสำคัญอีกประการหนึ่งเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของคณะกรรมการตำรวจ รัฐมนตรียุติธรรมและมหาดไทยจะเสียที่นั่ง และปลัดกระทรวงกลาโหม (ผู้บังคับบัญชาสูงสุดอย่างเป็นทางการในกระทรวง) จะเสริมตำแหน่งให้แข็งแกร่งขึ้น จำนวนผู้เชี่ยวชาญจะลดลงจากสี่คนเหลือสองคน ซึ่งวุฒิสภาจะเลือก
แหล่งข่าวตำรวจอธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้การนัดหมายทางการเมืองยุติลง นายกรัฐมนตรีจะพูดถึงกองกำลังตำรวจน้อยลง ข้าราชการตำรวจมีโอกาสได้รับการเลื่อนตำแหน่งและไม่ต้องคำนึงถึง 'กระแสลมการเมือง' ผู้บัญชาการที่แยกย้ายสามารถเสนอชื่อผู้สืบทอดโดยไม่มีการแทรกแซง ซึ่งหมายความว่าเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่น ๆ มีโอกาสน้อยที่จะประสบความสำเร็จ
ส.ส.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.ประชาธิปัตย์ตีความการเปลี่ยนแปลงเป็นการจำกัดอิทธิพลทางการเมือง บทบาทของตำรวจเข้มข้นขึ้น
แต่อรรถวิชช์เชื่อว่าหนทางยังอีกยาวไกล เขาเตือนถึงรัฐตำรวจ เพราะอิทธิพลของรัฐบาลกลางมีจำกัด
อดีตพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว และในฐานะสมาชิกคสช กิจการพิเศษ พอใจกับการปรับโครงสร้าง “ตอนนี้ตำรวจแต่ละหน่วยสามารถเสนอชื่อคนที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะสมกับตำแหน่งได้แล้ว”
แหล่งข่าวที่อดีตรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลง “มันผิดที่จะให้กองทัพเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารตำรวจ” แต่เขาไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว นักการเมืองสามารถยกเลิกการเปลี่ยนแปลงได้
(ที่มา: บางกอกโพสต์, 16 กรกฎาคม 2014)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคสุดท้ายนั้นเป็นทั้งความบันเทิงและเหตุผลที่การเลือกตั้งเหล่านั้นยังคงอยู่อีกระยะหนึ่ง หลังเลือกตั้งก็แค่เปลี่ยนทุกอย่างกลับ จึงไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ หรือเป็นทางวิ่งขึ้นสู่การแทรกแซงทางทหารใหม่
ประชาชนบางส่วนยังไม่พร้อมสำหรับระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ไทยยังอีกยาวไกล